ขอความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคระบาดในสถานศึกษา

เทศบาลตำบลปัว ได้รับแจ้งจากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอำเภอปัว ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคหัด และโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยเรียน และมีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในโรงเรียน กอปรกับ สถานการณ์โรคไข้เลือดออก พบผู้ป่วยสะสม ๒๓,๔๙๒ ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุระหว่าง ๕ – ๑๕ ปี ปัจจัยเสี่ยงของการเสียชีวิตมาจากการเข้ารับการรักษาช้า มีภาวะโรคอ้วน และโรคประจำตัว รวมถึงผลการประเมินความชุกของลูกน้ำยุงลายในโรงเรียน ในภาชนะต่าง ๆ ยังเกินค่ามาตรฐาน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคระบาดในสถานศึกษา ดังนี้

มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือดออกในโรงเรียน

การเฝ้าระวังโรค

– เฝ้าระวังเด็กป่วยในโรงเรียน โดยมอบหมายให้ครูประจำชั้น และครูห้องพยาบาล สังเกตอาการและคัดกรองเด็กที่สงสัยป่วยไข้เลือดออก โดยการวัดไข้ หากมีไข้สูงให้สงสัยอาจเป็นไข้เลือดออก แนะนำให้ทายากันยุงและหยุดเรียน พร้อมแจ้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐใกล้เคียง

การป้องกันโรค

– การดำเนินการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง

– จัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนใกล้เคียงในการรณรงค์ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย

– จัดกิจกรรมเสริมให้นักเรียนดำเนินการสำรวจ และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน

– จัดเตรียมสารกันยุง เช่น โลชั่นทากันยุง , สเปรย์กันยุง ให้นักเรียนใช้ในช่วงกลางวัน และแนะนำให้ผู้ปกครอง ทาสารกันยุงให้เด็กนักเรียนก่อนมาโรงเรียน ทั้งนี้ควรอ่านฉลาก และคำแนะนำก่อนใช้งาน เนื่องจากสารกันยุงแต่ละชนิดมีข้อแนะนำ และข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป

แนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคหัดในสถานศึกษา

– หากพบเด็กที่มีอาการป่วยสงสัยโรคหัด ได้แก่ ไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง พบจุดขาว ๆ เล็ก ๆ ขอบสีแดงในกระพุ้งแก้ม และมีผื่นที่ผิวหนัง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคหัด และค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่อไป